-
01
ล็อกตู้แล้วลืมไปได้เลย
มีหลากหลายสถานการณ์ที่คุณไม่อยากหอบหิ้วสัมภาระให้วุ่นวายขณะเดินทางในญี่ปุ่น หากไปเล่นสกีที่นีงาตะมา แต่จะแวะพักระหว่างทางจากโตเกียวไปเกียวโตสักสองสามวันก็ไม่จำเป็นต้องแบกอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นหลังไปด้วย เพราะมีวิธีง่ายๆ ที่จะฝากของได้แม้กระเป๋าสัมภาระของคุณจะใหญ่แค่ไหนในระหว่างการท่องเที่ยวของคุณ
ล็อกตู้แล้วลืมไปได้เลย
-
02
มาถึงก่อนเวลาเช็กอิน
ถ้าไปถึงเมืองที่หมายของคุณก่อนถึงเวลาเช็กอินเข้าโรงแรม คุณก็มีทางเลือกอยู่สองสามทาง ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นคุณวางแผนไว้อย่างไร เวลาเช็กอินของโรงแรมทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณบ่ายสามโมง ที่พักส่วนมากมักจะยินดีรับฝากสัมภาระของคุณไว้ก่อนเพื่อให้คุณเดินตัวปลิวออกสำรวจเมืองได้
มาถึงก่อนเวลาเช็กอิน
ถ้าคุณไปเที่ยวชมเมืองใหญ่ๆ คุณก็สามารถจัดการกับข้าวของได้ง่ายๆ ในทันที เพียงฝากของไว้ที่สถานีรถไฟหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบริการห้องรับฝากสัมภาระ หรือตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ราคาส่วนใหญ่อยู่ที่ 300-500 เยนต่อวันเท่านั้น
-
03
ออกเที่ยว - ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
ข้อเสียของการที่ญี่ปุ่นเป็นเมืองมหัศจรรย์สำหรับการช็อปปิ้งก็คือ คุณจะมีถุงของขวัญและของฝากติดไม้ติดมือจำนวนมากอย่างรวดเร็วจนต้องหอบหิ้วไปตลอดทั้งวัน ถ้าคุณต้องการฝากของเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะแค่สองสามชั่วโมง หรือเป็นวันๆ ทุกเมืองก็มีทางเลือกอัตโนมัติที่ทั้งปลอดภัยและสบายกระเป๋าพร้อมบริการ ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญจะทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีสมชื่อคือ ตู้ล็อกเกอร์สาธารณะสำหรับเก็บข้าวของที่ใช้เหรียญเพียงไม่กี่เหรียญ
ออกเที่ยว - ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
-
04
ตำแหน่งตู้ล็อกเกอร์เก็บของในญี่ปุ่น
คุณสามารถพบตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญได้ทั่วญี่ปุ่น โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟ ตู้เหล่านี้สะดวกสำหรับการแวะเที่ยวแบบทริปหนึ่งวัน โดยฝากของไว้ขณะเดินเที่ยว หรือฝากของไว้กับสถานที่ที่คุณช็อปปิ้งแล้วออกไปเดินสำรวจเมือง ส่วนใหญ่แล้ว ตู้จะอยู่ด้านในสถานีหรือด้านนอกแต่ไม่ไกลกันนัก ซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งยังมีบริการตู้ล็อกเกอร์แช่เย็นสำหรับเก็บอาหารให้สดใหม่ขณะที่คุณออกไปเดินช็อปต่ออีกด้วย!
ตำแหน่งตู้ล็อกเกอร์เก็บของในญี่ปุ่น
-
05
ขนาดของตู้ล็อกเกอร์เก็บของในญี่ปุ่น
ตู้ล็อกเกอร์ติดผนังส่วนใหญ่จะมีทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ แต่ที่สถานีรถไฟใหญ่ๆ มักมีตู้ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่เป็นพิเศษสำหรับเก็บกระเป๋าสัมภาระหรือไม้กอล์ฟ คุณจะพบตู้ล็อกเกอร์ขนาดเล็กมากกว่าขนาดอื่นๆ เพราะฉะนั้นหากเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ใช้มากๆ คุณก็อาจไม่ได้ตู้ขนาดที่มองหา ถ้าคุณต้องการเก็บของชิ้นใหญ่ เราขอแนะนำให้ใช้บริการห้องเก็บสัมภาระในสถานีรถไฟใหญ่ๆ เช่น สถานีโตเกียวและชินากาวะ จะดีกว่า
ขนาดของตู้ล็อกเกอร์เก็บของในญี่ปุ่น
-
06
ค่าบริการของตู้ล็อกเกอร์เก็บของ
ค่าบริการตู้ล็อกเกอร์นั้นมักจะเท่ากันทุกที่ ราคาของตู้เล็กจะอยู่ที่ 300 เยน และสูงสุด 500-600 เยนสำหรับตู้ขนาดใหญ่ กำหนดเวลาของการฝากอาจต่างกันไปบ้าง แต่หากคุณฝากของเกินเวลาที่กำหนด (เช่น 24 ชั่วโมง) คุณก็จะต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ซึ่งคิดตามเวลาก่อนจะปลดล็อกตู้ได้
-
07
ระบบของตู้ล็อกเกอร์เก็บของ
แม้ตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญส่วนใหญ่จะยังใช้กุญแจอยู่ แต่ก็เริ่มมีทางเลือกโดยการใช้บัตร E-money เช่น Suica และ Pasmo เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางเลือกนี้จะสะดวกกว่ามาก เพราะคุณไม่จำเป็นต้องแลกเหรียญมาจ่าย และบัตรก็ทำหน้าที่เป็นกุญแจไปในตัวได้! เพียงแตะบัตรกับเครื่องอ่าน เครื่องก็จะจำไว้ว่าคุณใช้ตู้ใบไหน และช่วยให้คุณจ่ายเงินและเปิดตู้ล็อกเกอร์ได้พร้อมกันเลย
-
08
การเก็บกระเป๋าใบใหญ่
ถ้าคุณมีกระเป๋าสัมภาระหรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่ติดตัวมา การหาที่ฝากก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก แม้จะอยู่ที่สถานีรถไฟใหญ่ๆ บางสถานีก็ตาม สถานีโตเกียวและชินโอซาก้ามีทั้งห้องเก็บสัมภาระและตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญที่เก็บกระเป๋าใบใหญ่ได้ไว้บริการ สองสถานีนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณวางแผนจะฝากของทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวัน
การเก็บกระเป๋าใบใหญ่
อันที่จริงแล้ว สถานีรถไฟใหญ่ๆ ส่วนมากก็มักมีตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญขนาดใหญ่ไว้ให้บริการ แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตู้จะว่างหรือไม่ หากคุณมีข้อสงสัย โปรดสอบถามและขอความช่วยเหลือที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
นอกจากนี้ คุณยังสามารถฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่สนามบินได้ด้วย แต่กระบวนการก็อาจจะยุ่งยากกว่าสักหน่อยเพราะการเข้าสนามบินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าคุณต้องรอเปลี่ยนเครื่องและอยากแวะเข้าเมือง วิธีนี้ก็ถือว่าสะดวกที่สุดแล้ว
การฝากกระเป๋าสัมภาระในเมือง
2019.09.24
NAVITIME TRAVEL EDITOR